ผบก.น.1 สั่งสน.ดุสิต สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกรณีป้าสังเวียนจุดไฟเผาตัวเอง เตรียมจัดระเบียบความปลอดภัย

วันนี้(16ต.ค.57)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ รรท.ผบก.น.1 เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ อายุ 52 ปี นำน้ำมันลาดตัวเอง แล้วจุดไฟเผาหลังร้องทุกข์ที่บริเวณศูนย์บริการประชาชนทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวตั้งอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.ดุสิตสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามเหตุการณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

สอบถามญาติ สอบถามแพทย์ที่ให้การรักษาสอบถามบุคคลที่เหตุการณ์ส่วนประเด็นที่จะดำเนินการเป็นประเด็นพกพาอาวุธมีด เป็นคดีเล็กน้อย สามารถรอให้ผู้เสียหายอาการดีขึ้น แล้วค่อยดำเนินการคดีทางกฎหมายโทษปรับภายหลังก็ได้รวมทั้งประเด็นที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย จากการตรวจสอบไม่ได้เจตนาที่จะตั้งใจทำให้เกิดขึ้น แต่ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งเรื่องเงินกู้นั้น ต้องให้ทาง สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุสืบหาข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อไป

พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ กล่าวอีกว่าส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้นศูนย์บริการประชาชนทำเนียบรัฐบาลได้มีการเปลี่ยนที่ทำการรับเรื่องราวร้องทุกข์ โดยได้ย้ายที่ทำการจากเดิมตั้งอยู่บริเวณประตู4 ได้ทำการปรับปรุงตึกใหม่จึงได้ย้ายที่ทำการมาตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของตึกสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) ได้ประมาณ 3 วัน ซึ่งก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลสถานที่และคัดกรองตัวบุคคลอยู่แล้ว

หลังจากเกิดเหตุได้ลงตรวจพื้นที่พร้อมทั้งสั่งการให้ พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รองผบก.น.1 เข้าไปประสาน ผอ.ศูนย์บริการประชาชน ดังกล่าวแล้ว รวมถึงได้จัดเตรียมกำลังตำรวจอารักขาควบคุมฝูงชนของบก.น.1 ไว้ดูแลโดยจัดเตรียมรถพยาบาล 1 คัน และแจ้งเพิ่มเติมให้เตรียมถังดับเพลิงใกล้จุดดังกล่าว พร้อมทั้งจัดระเบียบนำแผงกั้นกำหนดทางเข้าออกเพียงทางเดียว ตั้งจุดคัดกรองตรวจค้นอาวุธและน้ำมันเชื้อเพลิงที่คาดว่าจะนำมาใช้ก่อเหตุลักษณะดังกล่าว

อย่างไรก็ตามล่าสุดอาการของนางสังเวียน รักษาเพ็ชร์ ผู้ก่อเหตุเผาตัวเองนั้น เบื้องต้นทราบว่าปลอดภัยแล้ว แต่ทางแพทย์ยังคงให้พักรักษาตัวอยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ โดยยังคงให้ออกซิเจนช่วยหายใจผ่านทางท่ออากาศ เนื่องจากแผลที่บริเวณลำคอ และใบหน้า ทำให้หลอดลมบวม

 

 
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24