TDRI เผยนักลงทุนไทยแห่ย้ายฐานการผลิต แนะรัฐ-นักลงทุนหาทางออกแก้ปัญหาระยะยาว
วันนี้ (24 มี.ค. 57) ดร.เสาวรัจ รัตนคำฟู นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงภาพรวมของการย้ายฐานการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมรองเท้าและเครื่องหนังไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเมียนมาร์และเวียดนามว่า สาเหตุหลักๆ ของการย้ายฐานการผลิตมีด้วยกัน 3 ประการ ประการแรกค่าจ้างแรงงานสูงและแรงงานตึงตัว กล่าวคือผู้ประกอบการหาแรงงานยากมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล บวกกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ดร.เสาวรัจ กล่าวต่อว่า ประการที่สอง ลูกค้าเรียกร้องให้ผู้ประกอบการย้ายหรือขยายฐานไปประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่าเพื่อคงความสามารถในการแข่งขันด้านราคา และประการสุดท้าย ประเทศเพื่อนบ้านได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP จากตลาดสำคัญๆ ขณะที่ ประเทศไทยถูกตัดสิทธิ GSP เพิ่มเติมทั้งจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
ดร.เสาวรัจ กล่าวอีกว่า แม้การย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านของอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ประกอบการ แต่การย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการไทยต้องระวังความเสี่ยงเรื่อง กฎระเบียบในต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจน และมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่ค่อยพัฒนา โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตไปเมียนม่าร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการจำนวนมากกำลังให้ความสนใจ เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงการเปิดประเทศและยังได้รับสิทธิพิเศษ GSP จากประเทศคู่ค้าสำคัญ ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิรูปกฎระเบียบต่างๆ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเข้าไปตั้งฐานการผลิต หรือลงทุนผู้ประกอบการต้องพิจารณาว่าบริษัทจะสามารถรับความเสี่ยงดังกล่าวได้หรือไม่
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One