ยอดผู้เสียชีวิตจากรถไฟตกรางในฟิลาเดลเฟียเพิ่มเป็น 7 คน บาดเจ็บกว่า 200 คน ขณะที่ผลสอบสวนระบุ รถไฟแล่นเร็วผิดปกติ 2 เท่าขณะเลี้ยวโค้งจนตกราง ส่วนคนขับจำเหตุการณ์ตอนรถไฟตกรางไม่ได้
วันนี้(14พ.ค.58)ยอดผู้เสียชีวิตจากรถไฟตกรางในเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 7 คน และบาดเจ็บกว่า 200 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตจากใต้ซากรถไฟเป็นวันที่ 2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยขณะที่รถไฟตกราง มีผู้โดยสารอยู่บนรถไฟ 238 คน และลูกเรืออีก 5 คน เมื่อวานนี้ รถไฟสายที่แล่นระหว่างเมืองฟิลาเดลเฟียกับนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นรถไฟที่มีผู้โดยสารใช้บริการมากที่สุดสายหนึ่งในสหรัฐ ยังคงปิดให้บริการเป็นวันที่ 2 เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้รถไฟขบวนที่ 188 ของแอมแทรค หรือการรถไฟของสหรัฐ ซึ่งมีทั้งหมด 7 โบกี้ ประสบอุบัติเหตุตกรางทั้งขบวน ที่เมืองฟิลาเดลเฟียในรัฐเพนน์ซิลเวเนียของสหรัฐ ระหว่างแล่นออกจากกรุงวอชิงตันดีซี ไปยังนครนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ผลสอบสวนสาเหตุรถไฟตกรางเบื้องต้นโดยคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐ หรือเอ็นทีเอสบี ระบุว่า รถไฟแล่นด้วยความเร็ว 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือมากกว่า 2 เท่าของความเร็วสูงสุดที่จำกัดไว้ ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในขณะที่รถกำลังเลี้ยวโค้งซ้าย คนขับรถไฟได้ใช้ระบบเบรคฉุกเฉิน แต่ก็ทำให้รถไฟลดความเร็วลงเพียงเล็กน้อย เหลือ 163 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และตกรางในที่สุด ข้อมูลความเร็วของรถไฟทั้งหมดได้มาจากกล่องดำของรถไฟที่ที่กู้ออกมาจากซากรถไฟ
เจ้าหน้าที่ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่า เหตุใดรถไฟจึงแล่นเร็วกว่าปกติถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่า รถไฟจึงแวะจอดที่สถานีรถไฟที่ถนนที่ 30 ในเมืองฟิลาเดลเฟียนาน 10 นาทีโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะถึงจุดที่รถไฟตกราง
ส่วนคนขับรถไฟมีชื่อว่า แบรนดอน บอสเชียน เขาได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกเย็บ 14 เข็ม บอสเชียนเป็นวิศวกรที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมัสซูรี่ ทนายความของบอสเชียนกล่าวว่า คนขับจำเหตุการณ์ตอนรถไฟตกรางไม่ได้ โดยจำได้แต่พียงว่าเขารู้สึกว่าถูกเหวี่ยงไปมา ขณะที่รถไฟกำลังจะเลี้ยวโค้ง เขาจึงโทรแจ้ง 911 เขาอธิบายไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้น แต่ทนายยืนยันว่า บอสเชียนไม่ได้มีปัญหาสุขภาพและไม่ได้ทานยาใดๆ ในวันที่รถไฟตกราง ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐ แสดงความตกใจและเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น
Add One