สหประชาชาติเตือนวิกฤตอีโบลา จะทำให้ชาวแอฟริกันตะวันตกมีความเสี่ยงอดตาย
วันนี้ (8ก.ย.57) สหประชาชาติหรือยูเอ็น ออกมาเตือนว่า สถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับไวรัสอีโบลาทั่วประเทศแอฟริกาตะวันตก จะทำให้ประชาชนหลายล้านคนมีความเสี่ยงที่จะอดตาย เนื่องจากมีการจำกัดการเดินทาง ทำให้การขนส่งอาหารถูกควบคุมไปด้วย อีกทั้งการเก็บเกี่ยวผลผลิตธัญพืชระดับท้องถิ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน
โดยที่เมืองลากอส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในไนจีเรียนั้น โดยปกติอาหารป่าเป็นอาหารหลัก แต่ตอนนี้มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หากบริโภคเข้าไป เนื่องจากว่า สัตว์บางชนิดเป็นพาหะนำโรคอีโบลา อีกทั้งการปิดพรมแดนและควบคุมการเดินทาง ทำให้อาหารไม่สามารถเข้าถึงประชาชน
ส่วนเมืองมาร์กิบีในไลบีเรีย ประชาชนต้องพึ่งพาการปันส่วนอาหารมานานเป็นเดือนจากหน่วยงานบรรเทาทุกข์ และครอบครัวต่างๆ ที่นำเงินรายได้ถึงร้อยละ 80 ไปใช้จ่ายด้านอาหาร กำลังถูกกดดัน
เนื่องจากราคาอาหารที่แพงขึ้น ขณะที่ สหประชาชาติได้แจกจ่ายอาหารจำนวน 65,000 ตันไปช่วยเหลือประชาชน 1.3 ล้านคนในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสอีโบลา
ขณะเดียวกัน ทางการไลบีเรียกำลังสร้างศูนย์บำบัดรักษาอีโบล่าขึ้นมาอีก 5 แห่ง โดยแต่ละแห่งมีเตียงผู้ป่วย 100 เตียง คาดว่า โรงพยาบาลรักษาอีโบลา 5 แห่งจะเปิดทำการภายใน 10 วัน นับตั้งแต่วันอาทิตย์นี้เป็นต้นไป นับเป็นความพยายามของรัฐบาลไลบีเรียในการควบคุมการระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดในโลก
ของไวรัสอีโบลา
ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐจำเป็นต้องช่วยประเทศแอฟริกาตะวันตก ควบคุมการระบาดของไวรัสอีโบลาให้มากกว่านี้ เพื่อสกัดกั้นการระบาดของไวรัสอีโบลา ไม่ให้กลายเป็นวิกฤตโลก จนวันหนึ่งกลายเป็นภัยร้ายแรงต่อชาวอเมริกัน
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One