ดาวโจนส์ปิดบวก 80.85 จุด ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส ด้านน้ำมันดิบปิดร่วง1.93$เหตุตลาดคลายกังวลยูเครน,อิรัก
วันนี้(20ส.ค.57) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี เพราะได้แรงหนุนจากรายงานตัวเลขการสร้างบ้านของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทโฮม ดีโปต์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,919.59 จุด เพิ่มขึ้น 80.85 จุด หรือ +0.48% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,527.51 จุด เพิ่มขึ้น 19.20 จุด, +0.43% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,981.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.86 จุด หรือ +0.50%
ทั้งนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 15.7% มาอยู่ที่ 1.09 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 945,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. บ่งชี้ว่ากลุ่มผู้สร้างบ้านมีมุมมองบวกมากขึ้น หลังจากตลาดที่อยู่อาศัยซบเซาเมื่อช่วงต้นปี
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นที่มีผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนักลงทุนมองว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงนั้นอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ดีเกินคาดก็เป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักเช่นกัน โดยโฮม ดีโปต์ รายงานยอดขายและกำไรสุทธิไตรมาสสองที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยบริษัทเผยว่า ยอดขายในสหรัฐปรับตัวขึ้น 6.4% ในไตรมาสดังกล่าว ส่งผลให้หุ้นโฮม ดีโปต์ พุ่งขึ้น 5.55%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขการสร้างบ้านที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยหุ้นเคบี โฮม พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.3%
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 1.4% จากการคาดการณ์ที่ว่าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัทจะมียอดขายที่สูงขึ้น
หุ้นอลิซาเบธ อาร์เดน ร่วงลง 23% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 28% ในไตรมาสล่าสุด อันเนื่องมาจากยอดขายน้ำหอมที่ปรับตัวลดลง
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมครั้งล่าสุดจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้ ซึ่งอาจจะมีสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวทางการกำหนดนโยบายการเงินในอนาคต หรือแผนการของเฟดในการเพิ่มการควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น
ขณะเดียวกัน เฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ จะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล มลรัฐไวโอมิง ในระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค.นี้ ซึ่งบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลาง นักเศรษฐศาสตร์ รัฐมนตรีคลัง และเจ้าหน้าที่ด้านอื่นๆจากทั่วโลก ต่างเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในการประชุมดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด และนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป
ด้านสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในอิรักและความขัดแย้งในยูเครนเริ่มคลี่คลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 4 เซนต์ ปิดที่ 101.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวลดลงเนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี โดยทางทำเนียบรัฐบาลรัสเซียเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะพบกับประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน ที่กรุงมินสก์ เมืองหลวงของประเทศเบลารุส ในวันที่ 26 สิงหาคม
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ซึ่งน้ำมันดิบและก๊าซส่วนใหญ่ที่รัสเซียผลิตได้นั้น ได้ถูกส่งออกไปยังยุโรปโดยผ่านเส้นทางยูเครน
ส่วนในสถานการณ์ในอิรักก็คลี่คลายลงเช่นกัน โดยมีรายงานว่ากองทัพอิรักและชาวเคิร์ดได้บุกยึดเขื่อนโมซุล ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิรัก ในจังหวัดนิเนเวห์ทางตอนเหนือของประเทศ หลังจากที่กลุ่มรัฐอิสลามได้เข้ายึดครองพื้นที่ดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนรอดูรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐอาจลดลง 1.75 ล้านบาร์เรล เหลือ 365.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อคืนนี้ การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านพลังงานของภาคเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 568,000 บาร์เรล
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One