ผู้นำสหรัฐเอาจริงเสนอสภาคองเกรส ขออนุมัติส่งกำลังทหารปราบกลุ่มไอเอสในอิรัก-ซีเรีย
วานนี้ (12ก.พ.58) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐอเมริกา ประกาศว่า รัฐบาลได้ส่งร่างมติต่อสภาคองเกรสเพื่อขออนุมัติการใช้กำลังกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย โดยมติดังกล่าวสะท้อนจุดมุ่งหมายหลักของการทำลายกลุ่มไอเอส รวมถึงส่งเสริมยุทธวิธีที่ครอบคลุมตามที่สหรัฐดำเนินการมาโดยตลอดกับบรรดาชาติพันธมิตรและหุ้นส่วน โดยเป็นการณรงค์ที่เป็นระบบและยั่งยืนของการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรียรวมทั้งการให้การสนับสนุนและการซ้อมรบให้กับกองกำลังท้องถิ่นในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงกลุ่มต่อต้านซีเรียที่เป็นสายกลาง ก็สามารถช่วยป้องกันการโจมตีของกลุ่มไอเอสทั้งในภูมิภาคและนอกภูมิภาค รวมถึงนักรบต่างชาติที่พยายามคุกคามประเทศต่างๆได้
นายโอบามา ระบุว่า การสนับสนุนทั้งในระดับภูมิภาคและนานาชาติที่ทำให้ชาวอิรักทุกส่วนเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทหารอิรักเพื่อต่อสู้กับกลุ่มไอเอส ตลอดจนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับพลเรือนผู้บริสุทธิ์ของอิรักและซีเรีย ก็ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกลุ่มไอเอส โดยการรุกของกองกำลังผสม ทำให้กลุ่มไอเอสตกอยู่ในสถานะตั้งรับ และกลุ่มไอเอสกำลังจะพ่ายแพ้
นายโอบามา กล่าวอีกว่า การอนุมัติเรื่องดังกล่าวจะมีข้อกำหนดห้ามไม่ให้กองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐทำการรุกระดับใหญ่ แต่จะอนุมัติการโจมตีแบบเฉพาะที่มีกองกำลังพิเศษของสหรัฐเข้าร่วมด้วย ซึ่งก็เป็นการทำตามคำเตือนก่อนหน้านี้ที่เห็นว่าสหรัฐไม่ควรถูกลากเข้าไปร่วมการทำสงครามที่ยืดเยื้ออีกในตะวันออกกลางอีก โดยผู้นำสหรัฐบอกว่าการใช้กำลังทหารจะถูกจำกัดเวลาไว้เพียง 3 ปี เพื่อให้ผู้ที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาได้มีโอกาสประเมินสถานการณ์กับสภาคองเกรสใหม่อีกครั้ง
ด้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นก็มีกำหนดที่จะรับมติที่มีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นรายได้จำนวนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการขายน้ำมัน รวมถึงการลักลอบค้าวัตถุโบราณและเงินค่าไถ่ของกลุ่มไอเอส โดยมติดังกล่าวเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรต่อบุคคลและบริษัทที่ทำการค้าน้ำมันกับกลุ่มไอเอส รวมถึงกลุ่มอัล-นุสรา ฟร้อนท์ในซีเรียและกลุ่มอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิ
ดะห์
นอกจากนี้ยังขอให้ชาติสมาชิก 193 ชาติของยูเอ็นดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันการค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรมจากอิรักและซีเรีย รวมทั้งสั่งการให้องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติหรือ ยูเนสโก้ทำการห้ามค้าขายทรัพย์สินดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ยังได้เตือนรัฐบาลทั่วโลกให้ช่วยกันป้องกันการก่อการร้ายจากการให้ประโยชน์กลุ่มไอเอสทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการจ่ายเงินค่าไถ่ เพื่อแลกการปล่อยตัวประกัน
Add One