สรุป7วันอันตรายปีใหม่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง302ศพ บาดเจ็บ2,843คน “เมาขับ” ต้นเหตุหลักเกิดอุบัติเหตุ
วันนี้(5 ม.ค.58) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงสรุปผลการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 4 มกราคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่หกของการรณรงค์ “มอบความสุขทั่วไทย สัญจรปีใหม่ ปลอดภัยทุกคน”
เกิดอุบัติเหตุ 287 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 42 ราย ผู้บาดเจ็บ 301 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 27.53 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 26.83 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 25.44 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.12
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 6 วัน (30 ธ.ค.57 – 4 ม.ค. 58) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,733 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 302 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 2,843 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 13 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุตรดิตถ์ 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เพชรบุรี 20 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 4 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นราธิวาส สิงห์บุรี และนครพนม จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 122 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 15 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 119 คน
ขณะที่รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 5 วันที่ผ่านมา พบว่า ดื่มแล้วขับ เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนน แต่จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 4 มกราคม 2558 ซึ่งเป็นวันหยุดวันสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ 2558 พบว่า การขับรถเร็วเกินกำหนด การขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนในอัตราที่ใกล้เคียงกับการดื่มแล้วขับ จึงประสานให้จังหวัดกำชับจุดตรวจเข้มงวดผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าว เน้นการเรียกตรวจยานพาหนะให้มากขึ้น รวมถึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลเส้นทางสายหลัก โดยเฉพาะจุดเสี่ยงบนถนนสายหลัก จุดตัดทางรถไฟ ควบคู่กับการดูแลถนนสายรอง โดยเฉพาะจุดตัดทางรถไฟที่เป็นทางลักผ่าน ให้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดอาสาสมัครดูแลเส้นทางดังกล่าวเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก: TNN24
Add One