กองทัพยูเครนเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวรบในภาคตะวันออกของประเทศแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิง
วันนี้(27 ก.พ.58) กระทรวงกลาโหมยูเครน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กองทัพยูเครนเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวรบในภาคตะวันออกของประเทศแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิง โดยเริ่มแรกเป็นการถอนปืนใหญ่ขนาด 100 มม. และจะมีองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือโอเอสซีอี เข้ามาตรวจสอบ ขณะที่กบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซีย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาได้ถอนอาวุธแล้ว แต่ยังไม่มีการยืนยันจากคณะผู้สังเกตการณ์โอเอสซีอี
แถลงการณ์ฉบับหนึ่ง กระทรวงกลาโหมยูเครน ระบุว่า การถอนอาวุธเมื่อวันพฤหัสบดี เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันในกรุงมินสก์ ประเทศเบลารุส เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเตือนว่า หากมีความพยายามโจมตีใด ๆ ก็ตาม กรอบเวลาในการถอนอาวุธจะถูกเปลี่ยนแปลงทันที
การตัดสินใจเริ่มถอนปืนใหญ่ออกจากแนวรบ มีขึ้นไม่นานหลังจากกองทัพยูเครน แถลงว่า กองทัพไม่ได้สูญเสียในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีทหารหลายนายบาดเจ็บ
ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่กบฏยังบุกยึดเมืองเดบัลต์เซเว เมืองยุทธศาสตร์สำคัญอีกเมืองหนึ่งไม่กี่วันหลังจากนั้น ทั้งนี้ การสู้รบกันในเขตโดเนตสก์ และลูฮานสก์ ภาคตะวันออกของยูเครน เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว หนึ่งเดือนหลังจากรัสเซียผนวกเอาคาบสมุทรไครเมียเป็นของตัวเอง โดยมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,800 คน ตั้งแต่เริ่มความรุนแรง จากการประเมินของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น แม้ว่าจะเชื่อว่า ตัวเลขที่แท้จริงสูงกว่านี้
รัฐบาลยูเครน, ผู้นำตะวันตก และองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า รัสเซียกำลังช่วยกบฏทั้งอาวุธหนักและกำลังทหาร ผู้เชี่ยวชาญอิสระก็กล่าวหาเช่นเดียวกัน ขณะที่รัสเซียปฏิเสธ พร้อมยืนยันว่า ชาวรัสเซียที่ไปช่วยกบฏเป็นอาสาสมัคร
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One