ชาวประมงในจ.สงขลา-ปัตตานีเตรียมชุมนุมใหญ่ เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

วันนี้(2 ก.ค.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเข้าสู่วันที่2 รัฐบาลประกาศว่าจะดำเนินคดีกับเรือประมงที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ทำให้ท่าเทียบเรือและแพปลาในจังหวัดสงขลาต่างเงียบเหงาเรือประมงจำนวนมากต้องจอดเทียบท่าไม่สามารถทำการประมงได้ตามปกติ จะมีเพียงเรือประมงที่ถูกกฎหมายที่ยังคงนำสัตว์น้ำมาส่งตามปกติ พร้อมทั้งเตรียมน้ำแข็งไว้สำหรับแช่ปลาในการออกเรือครั้งต่อไป แต่ทั้งนี้เรือทุกลำจะกลับมาร่วมชุมนุมพร้อมกันตามมติที่ประชุมสมาคมประมงจังหวัดสงขลา เพื่อขอให้รัฐบาลทบทวนและชะลอการบังคับใช้กฎหมายการทำประมงในวันที่ 4 ก.ค.นี้

ส่วนชาวประมงในจังหวัดปัตตานี นำเรือเข้าจอดเทียบท่าเป็นวันที่ 3 แล้ว ส่งผลต่อราคาสัตว์น้ำในตลาดเทศบาลเมืองปัตตานีอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ ปลาทู ปลาตาโต ปลาสละ ปลาทรายแดงและปลาโอ ต่างปรับราคาขึ้น กิโลกรัมละ 10 – 15 บาท เนื่องจากปลาทะเลเริ่มขาดตลาด อีกทั้งยังพบว่า ปลาที่นำมาจำหน่ายไม่สด ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อปลาเลี้ยงในกระชังแทน เพราะสดและราคาถูกกว่า โดยพ่อค้าแม่ค้าคาดว่าราคาอาหารทะเลจะปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากชาวประมงในจังหวัดปัตตานีทั้งหมดจะนำเรือกลับเข้าฝั่งเพื่อร่วมชุมนุมในวันพรุ่งนี้

ขณะที่จังหวัดตรัง เรือประมงจำนวนมากยังคงจอดเทียบท่าเนื่องจากเกรว่าจะถูกจับกุม ทำให้เจ้าของธุรกิจแพปลาในพื้นที่เริ่มวิตกกังวลว่าสถานการณ์จะยิ่งบานปลาย สร้างความเสียหายมากขึ้น เช่น นางมณฑา ทรัพย์เจริญ เสมียนแพปลายิมเซี้ย ในอำเภอกันตัง กล่าวว่าภายในเวลา 3-4 วันนี้จะเริ่มเห็นผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เฉพาะแค่ราคาอาหารทะเลเท่านั้น แต่รวมถึงคนงานในภาคประมงจะต้องถูกเลิกจ้างและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่ จึงอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว

ทั้งนี้ แรงงานในภาคประมงที่จังหวัดระยองเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว เนื่องจากเรือประมงกว่า 200 ลำต้องจอดเทียบท่า เพราะอาชญาบัตรไม่ตรงกับอุปกรณ์จับปลา เจ้าของเรือจึงไม่กล้าออกเรือทำการประมง ส่งผลให้ลูกเรือว่างงานโดยไม่ได้รับค่าแรงกว่า 5,000 คน แม้จะมีบางรายว่าจ้างให้ลูกเรือเร่งซ่อมแซมและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์จับปลาให้ตรงกับข้อกำหนด แต่ส่วนใหญ่ยอมรับว่าต้องใช้เงินนับล้านบาท จึงต้องรอดูท่าทีรัฐบาลก่อนว่า จะมีการผ่อนปรนให้เจ้าของเรือสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่

ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24