หมอพิสิฐ เจ้าของคลินิกรับทำอุ้มบุญเข้ามอบตัวกับตร.กลางดึกพร้อมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ (9ก.ย.57) “หมอพิสิฐ” เจ้าของคลินิกรับทำ “อุ้มบุญ” ควงทนายย่องพบตำรวจ รับทราบข้อกล่าวหากลางดึก พร้อมให้การปฏิเสธ หลังถูกสอบเครียด 2 ชั่วโมง แจงเหตุมาช้า เพราะพ่อป่วยโรคมะเร็ง ต้องดูแล ยันจบด้านเจริญพันธุ์ มีใบอนุญาตถูกต้อง เชื่อข้อมูล เสนอข่าวคลาดเคลื่อน ท่ามกลางกองทัพสื่อ ไทย-เทศ รอทำข่าวคับคั่ง
จากกรณี การเสนอข่าวตีแผ่ปัญหา “การอุ้มบุญ” ในประเทศไทย จนเป็นที่สนใจไปหลายประเทศทั่วโลก กระทั่งมีการตรวจสอบข้อมูลแพทย์ที่รับทำอุ้มบุญ รวมทั้งคลินิก จากพนักงานสอบสวน และ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข
แต่แพทย์ดังกล่าวกลับหลบหนี ส่งผลให้คนไข้หญิงที่ตั้งครรภ์หลายราย ต้องถูกโอนไปให้สูตินรีแพทย์คนอื่นดูแลแทน
ขณะที่ รพ.เอกชนหลายแห่ง มีกรณีหญิงรับจ้างอุ้มบุญ ไปฝากครรภ์ ได้เกรงกลัวความผิด โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนที่แพทย์เจ้าของคลินิกที่ถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกหลายครั้งจนตกเป็นข่าว
กระทั่งทนายความของ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต และเป็นแพทย์ผู้ทำอุ้มบุญเด็ก 9 คนให้กับนายชิเกตะ มิตซึโตกิ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคดี ศึกษาแนวทางการต่อสู้คดี ก่อนขอเลื่อนนัดลูกความเข้าพบพนักงานสอบสวน ในวันที่ 6 ก.ย.
แต่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาต พร้อมขู่ว่าหากไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนอีก จะขออนุมัติศาลแขวงปทุมวัน ออกหมายจับ ข้อหาไม่ควบคุมและดูแลให้แพทย์ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม กับข้อหาประกอบกิจการและดำเนินสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 วันที่ 8 ก.ย. ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ต่อมาเวลา 22.00 น.วันที่ 8 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.พิสิฐ พร้อมด้วย นายรุ่งโรจน์ ดิษบรรจง ทนายความ เดินทางมาพบ พ.ต.อ.ไชยา คงทรัพย์ ผกก.สน.ลุมพินี และ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ที่สน.ลุมพีนี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ก่อนถูกนำตัวเข้าไปสอบสวนภายในห้องประชุมชั้น 2
โดยมีผู้สื่อข่าวหลายแขนง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะสื่อมวลชนญี่ปุ่นทุกสำนัก มารอทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น โดยใช้เวลาสอบปากคำนาน 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
จากนั้น นพ.พิสิฐ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่มาให้การช้า เพราะต้องการรวบรวมพยานหลักฐาน ให้สมบูรณ์ที่สุด และก็อีกสาเหตุคือคุณพ่อป่วยเป็นโรคมะเร็ง และตนเพิ่งจะทราบ ในฐานะแพทย์จึงจำเป็นที่ต้องการให้การดูแลพ่อให้ดีที่สุด จึงต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยที่มาให้การล่าช้า ส่วนอีกอันหนึ่งที่อยากจะบอกกับสังคม สื่อมวลชน แพทย์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้านนี้ คือ ตนรักษาคนด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีเจตนาที่ไม่ดีต่อใครเลย รักษาคนไข้ให้เกิดผลที่เป็นประโยชน์กับทุก ๆ คน
นพ.พิสิฐ กล่าวอีกว่า ขอยืนยันกับ ทุก ๆ คน และขอความเห็นใจว่า ตนเป็นหมอจะต้องรักษาคนไข้ให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง ส่วนประเด็นอื่น ๆ ขออนุญาตชี้แจงว่าตนจบแพทย์ที่สามารถทำเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ได้ มีวุฒิบัตรอนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ อาจเป็นความเข้าใจผิดของสื่อมวลชนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเองว่าตนไม่มีใบอนุญาตที่สามารถดูแลคนไข้ได้ และตนยังจบการศึกษาจากประเทศออสเตรเลีย มีดีกรีทางด้านนี้ ซึ่งมันก็บ่งบอกว่ามีความรู้ความสามารถเต็มที่ จะรักษาคนไข้ที่จะช่วยการเจริญพันธุ์ ส่วนในเรื่องของใบอนุญาตสถานพยาบาล ก็มีหลักฐานชัดเจนว่ามีใบอนุญาตสถานพยาบาล ซึ่งอาจจะเป็นความเข้าใจผิด ส่วนเรื่องของคดีขออนุญาตให้ทนายเป็นผู้ตอบคำถาม
นายรุ่งโรจน์ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้คุณหมอเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ทั้ง 2 ข้อหา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ได้ให้การ ปฎิเสธทั้ง 2 ข้อกล่าวหา คดีเป็นเรื่องเกี่ยวกับ กฎระเบียบทางแพทยสภา สบส.และกระทรวงสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติที่ปรากฏตามสื่อ คุณหมอ และทีมทนายความ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกฎหมายในเรื่องนี้อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ซึ่งเร็ว ๆ นี้เป็นไปได้สูงมากที่ทางทนายความจะยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งคุณหมอจะให้ข้อมูลภายหลังต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ไชยา กล่าวว่า พนักงานได้ทำการสอบปากคำ นพ.พิสิฐ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ปล่อยตัวกลับไปชั่วคราว เนื่องจากนพ.พิสิฐ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะเรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One