ยูนิเซฟพบเด็กอย่างน้อย3,700คน ใน 3 ประเทศที่มีการแพร่ระบาดของอีโบลาอย่างหนัก กำพร้าพ่อและแม่
วันนี้(1ต.ค.57) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) แถลงว่า มีเด็กอย่างน้อย 3,700 คนในกินี, ไลบีเรียและเซียร์รา ลีโอน ซึ่งสูญเสียพ่อหรือแม่ หรือทั้ง 2 คน จากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในปีนี้ กำลังเผชิญหน้ากับการถูกทอดทิ้ง โดยขณะนี้ ต้องการผู้ดูแลเด็กกำพร้าเหล่านี้เป็นการด่วน
ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (ฮู) หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหประชาชาติ แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากอีโบลาแล้วมากกว่า 3,000 คน ในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นการระบาดของอีโบลาครั้งเลวร้ายที่สุดในโลก
ทั้งนี้ ตัวเลขของเด็กกำพร้าอันเนื่องมาจากพ่อแม่เสียชีวิตจากอีโบลา เปิดเผยหลังจากมีการประเมิน 2 สัปดาห์ของยูนิเซฟใน 3 ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากการระบาด โดยการประเมินก่อนหน้านี้ ระบุว่า มีเด็ก 4,900 คนสูญเสียพ่อแม่ แต่ตัวเลขที่ถูกต้องอยู่ที่ 3,700 คน
นอกจากนี้ ยูนิเซฟ ยังพบด้วยว่า เด็กกำพร้าจากเชื้อไวรัสอีโบลา อายุต่ำสุด 3-4 ปีเท่านั้น โดยเด็ก ๆ เหล่านี้ ถูกพบอยู่ตามลำพังในโรงพยาบาลหลายแห่ง ซึ่งพ่อแม่พวกเขาเสียชีวิต หรือไม่ก็กลับไปยังชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่เดิม หากโชคดี ก็ได้เพื่อนบ้านคอยเลี้ยงดู แต่ก็มีจำนวนมากที่ถูกทอดทิ้ง เด็กเหล่านี้ ต้องการการเอาใจใส่และการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน หลายคนรู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการและแม้แต่ถูกทอดทิ้ง
อย่างไรก็ตาม จำนวนของเด็กกำพร้าจากการระบาดของอีโบลา เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และรายงานเบื้องต้นระบุว่า ดูเหมือนว่าอาจเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการตั้งระบบเพื่อมาดูแลเด็กกำพร้าเหล่านี้ โดยยูนิเซฟ จะจัดการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเซียร์รา ลีโอนเดือนหน้า
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24
Add One