คนไทยสุขภาพจิตดีขึ้น วอนรัฐแก้ของแพง

Written on:October 9, 2014
Comments
Add One

“กรุงเทพโพลล์” เผยสุขภาพจิตคนไทยดีขึ้นแต่ยังเครียดของแพง วอนรัฐบาลลดค่าครองชีพคืนความสุขเพิ่มขึ้น

วันนี้(9 ต.ค.57) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “วัดความเครียดคนไทย หลังรัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชน” เนื่องในวันที่ 10 ต.ค.2557ที่จะถึงนี้เป็น “วันสุขภาพจิตโลก”

โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,194 คน พบว่าประชาชนร้อยละ 66.5 เครียดมากที่สุดเรื่องข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูงรองลงมาคือ เรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ (ร้อยละ 37.3) เรื่องปัญหายาเสพติด (ร้อยละ 36.7)และเรื่องความแตกแยกในสังคม/ขัดแย้งทางการเมือง (ร้อยละ 33.9)

สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ตอบที่ทำให้เครียดและวิตกกังวล มากที่สุดในตอนนี้คือ เรื่องข้าวของราคาแพง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย (ร้อยละ 47.0) รองลงมาคือเรื่องการเป็นหนี้ เช่นผ่อนบ้าน -รถ (ร้อยละ 14.9) และเรื่องปัญหาจากการทำงาน-เรียน (ร้อยละ 8.7)

ส่วนเรื่องที่อยากให้รัฐบาลแก้ปัญหามากที่สุดเพื่อทำให้คนในชาติมีความสุขมากขึ้นคือ เรื่องค่าครองชีพสูง ข้าวของราคาแพง (ร้อยละ 34.7) รองลงมาคือเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ-กระตุ้นเศรษฐกิจ(ร้อยละ 18.2) เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น (ร้อยละ 15) เรื่องยาเสพติด-อาชญากรรม (ร้อยละ 10.5) และเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองทำให้สังคมแตกแยก(ร้อยละ 9.9)

ด้านความพอใจในการแก้ปัญหาค่าครองชีพสูงและราคาสินค้าแพงของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 57.3 พอใจมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 36.3 พอใจน้อยถึงน้อยที่สุด

ขณะที่เมื่อถามว่าปัจจุบันนี้ข่าวการเมือง ความแตกแยกทางการเมือง ทำให้เครียดเพียงใด เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ร้อยละ 55.5 บอกว่าเครียดน้อยลงเพราะบ้านเมืองสงบลงความแตกแยกลดลง ขณะที่ร้อยละ 13.5 บอกว่าเครียดเหมือนเดิมและร้อยละ 31.0 บอกว่าไม่เคยเครียดเรื่องการเมือง

ทั้งนี้ เมื่อถามต่อว่าสภาพการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้ตอบในปัจจุบัน ทำให้เครียดมากน้อยเพียงใด ร้อยละ 80.4 บอกว่าเครียดน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 18.0 บอกว่าเครียดมากถึงมากที่สุดสุดท้ายเมื่อถามว่า “ในภาพรวมตั้งแต่พล.อ. ประยุทธ์ คืนความสุขให้ประชาชน สุขภาพจิตของท่านเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา” ส่วนใหญ่ร้อยละ 68.6 บอกว่าดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 25.9 บอกว่าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงร้อยละ 4.8 ที่บอกว่าแย่ลงกว่าที่ผ่านมา

 
ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24

 


   ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ


โจ๋ยกพวกปาบึ้มหลังศูนย์ราชการฯไร้เจ็บ

วอนช่วย!เด็ก1ขวบ ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

หงส์แดงสอย“ลอฟเรน”เสริมแกร่งแดนรับ อุบค่าตัว

กทม.แขวนป้ายแช่งคนทิ้งขยะไม่เป็นที่

นายกฯไม่ห่วงกลุ่มต้านชู3นิ้วแสดงสัญลักษณ์

“ชมพู่-อารยา”ไส้ติ่งอักเสบเข้ารพ.กะทันหัน

Leave a Comment

Your email address will not be published.