สธ.เตือนเผากระดาษเงิน-กระดาษทอง เสี่ยงรับสารพิษจากตะกั่ว สะสมนานอันตรายถึงขั้นไตวาย แนะปชช.เลี่ยงสูดดมควัน

วันนี้ (17ก.พ.58) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การเผากระดาษเงิน กระดาษทองจำนวนมาก ในช่วงเทศกาลต่างๆ ของชาวไทยเชื้อสายจีน ทำให้เกิดไอระเหยของสารตะกั่วที่อยู่ในสีเคลือบกระดาษ ฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เผาและผู้ที่อยู่ใกล้เคียง โดยข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์บริการพบว่า กระดาษเงิน กระดาษทองชนิด ที่ฉาบด้วยตะกั่วมีปริมาณตะกั่วค่อนข้างสูงประมาณ 20.8-85.6 มิลลิกรัมต่อแผ่น ส่วนชนิดทาสีมีปริมาณตะกั่ว 0.55 มิลลิกรัมต่อแผ่น ผู้ที่ต้องเผากระดาษเงิน กระดาษทอง จึงต้องระมัดระวังในเรื่องของสารตะกั่วที่มีอยู่ในกระดาษ

นพ.พรเทพ กล่าวแนะนำว่า ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังพับหรือสัมผัสกระดาษ ควรเผาในภาชนะที่มิดชิด ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกในขณะเผา ควรเผาในที่โล่งแจ้งและยืนอยู่เหนือลม เพื่อป้องกันการหายใจเอาสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกาย การฟุ้งกระจายของเถ้าและควัน หรือสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ที่ผู้อาศัยใกล้เคียง ซึ่งอาจก่อให้เกิด กลิ่นเหม็นและสำลักควัน หายใจไม่ออก

ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการพักผ่อนนอนหลับในห้องหรือบริเวณที่มีการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง และควรนำเถ้ากระดาษที่เผาแล้วทิ้งหรือฝังกลบให้เหมาะสมเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของสารตะกั่วสู่สิ่งแวดล้อม

“เมื่อสูดหายใจเข้าไปจะทำให้ระดับตะกั่วในเลือดสูงขึ้น ซึ่งหากสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน สามารถก่อเกิดโรคโลหิตจางได้ ไตทำงานผิดปกติจนถึงขั้นไตวายได้ โดยอาการเบื้องต้นเมื่อได้รับสารตะกั่วเกินขนาดคือ เวียนศีรษะ ชักกระตุก หมดสติ” อธิบดีกรมอนามัย ระบุ

นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า กลุ่มเสี่ยงมากที่สุดคือเด็กเล็กและเยาวชน เนื่องจากสารตะกั่วที่สะสมในร่างกายจำนวนมาก จะส่งผลกระทบต่อสมอง ทำให้พัฒนาการด้านต่างๆ ช้า ไอคิวต่ำกว่าเด็กปกติ สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ โรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหัวใจ ก็ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง เช่นกัน

“สิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักและระมัดระวังให้มากคืออุบัติเหตุที่เกิดจากไฟไหม้ ควรเตรียมถังน้ำหรือถังดับเพลิงไว้ในบริเวณใกล้เคียง เฝ้าดูระหว่างการเผาและรอให้ไฟดับสนิทก่อนทุกครั้ง เพราะหากเกิดการลุกลามทำให้ไฟไหม้ จะนำมาซึ่งความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : TNN24